top of page
Search

เกมสนุกแต่ต้องได้เงิน!

ในโลกของการออกแบบเกม เป็นที่รู้กันดีว่าความสนุกอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป นักออกแบบเกมจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ทั้ง “ความพึงพอใจของผู้เล่น” และ “เป้าหมายทางธุรกิจ” ของเกมไปพร้อมกัน ยิ่งในยุคที่การแข่งขันในตลาดเกมดุเดือด ทุกเกมล้วนต้องสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดใจผู้เล่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างรายได้ให้เพียงพอเพื่อความอยู่รอดและเติบโตของทีมพัฒนา การออกแบบเกมให้ตอบโจทย์ทั้งสองด้านจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันคือหัวใจสำคัญของ Game Design ที่มือใหม่ทุกคนควรเข้าใจให้ชัด หากพูดถึงการสร้างรายได้ (Monetization) นักออกแบบเกมส่วนใหญ่ในยุคนี้นิยมใช้โมเดล Free-to-Play (F2P) ร่วมกับ In-App Purchases (IAPs) ที่ให้ผู้เล่นเล่นฟรี แต่มีไอเทมหรือความสามารถพิเศษที่สามารถซื้อเพิ่มได้ เช่น สกินเท่ๆ ตัวละครใหม่ หรือพลังเสริมพิเศษ ซึ่งโมเดลนี้เห็นได้ชัดในเกมยอดนิยมอย่าง Genshin Impact ที่ทำให้ผู้เล่นทั่วโลกพร้อมควักกระเป๋าโดยไม่รู้สึกโดนบังคับ ถัดมาอีกหนึ่งโมเดลที่กำลังฮิตคือ Battle Pass หรือระบบ Subscription ที่ให้รางวัลตามระยะเวลาหรือฤดูกาล ทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความคุ้มค่าและอยากกลับมาเล่นต่อเรื่อยๆ ระบบ Gacha หรือ Loot Boxes เองก็ยังเป็นที่นิยม เพราะมันสร้างความรู้สึกตื่นเต้นจากการสุ่ม แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพราะในบางประเทศมีกฎหมายควบคุม ส่วนเกมที่เน้นรายได้จากโฆษณา มักใช้ระบบ Rewarded Ads ที่ให้ผู้เล่นดูโฆษณาเพื่อแลกของรางวัล ทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกว่ากำลังถูกยัดเยียดให้เสียเงินโดยตรง

นอกจากการหารายได้แล้ว การทำให้ผู้เล่นรู้สึก “ติดเกม” หรือมี Engagement สูงก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายหลักที่นักออกแบบต้องให้ความสำคัญ ตัวอย่างง่ายๆ คือการแจกของรางวัลทุกครั้งที่ผู้เล่นล็อกอินประจำวัน หรือสร้างระบบ Streak ที่ให้รางวัลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้เล่นไม่ขาดการเข้าเกม นอกจากนี้การจัดกิจกรรมพิเศษแบบ Limited-Time เช่น เทศกาลฮาโลวีน หรือกิจกรรมร่วมกับแบรนด์ดัง ยังช่วยกระตุ้นความรู้สึก FOMO (Fear of Missing Out) ให้ผู้เล่นรีบเข้ามาเล่นก่อนของหมดเวลา การใส่ฟีเจอร์ Multiplayer หรือ Social ก็ช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกว่าเกมเป็นพื้นที่ทางสังคม เช่น การตั้งกิลด์ ชวนเพื่อนมาเล่น หรือแข่งแรงค์ร่วมกัน ขณะเดียวกันระบบเลเวลหรือสกิลต่างๆ ก็ทำให้ผู้เล่นมีเป้าหมายให้พัฒนาและรู้สึกภูมิใจในตัวละครของตัวเอง แล้วถ้าจะทำให้ผู้เล่นรักเกมของเราจริงๆ จนไม่อยากไปไหน นักออกแบบต้องคิดถึงการสร้าง “ความภักดี” หรือ Player Loyalty ด้วย เกมที่มี Community แข็งแรง เช่น มี Discord หรือ Fanpage ที่ผู้เล่นพูดคุย แชร์ประสบการณ์ หรือช่วยเหลือกัน จะทำให้เกมกลายเป็นมากกว่าคอนเทนต์ แต่กลายเป็น “พื้นที่” ของผู้เล่น นอกจากนี้ การให้ผู้เล่นปรับแต่งตัวละครหรือ UI ตามใจชอบก็ยิ่งทำให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพันกับเกม การออกแบบให้เกมยุติธรรม ไม่มีระบบโกง หรือ Pay-to-Win ที่ทำลายสมดุล ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาความเชื่อมั่น และสุดท้ายคือการอัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ เกมที่มีเนื้อหาใหม่ให้เล่นเรื่อยๆ จะช่วยรักษาความสดใหม่และไม่ทำให้ผู้เล่นเบื่อ อย่างไรก็ตาม การออกแบบเกมให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว ไม่ใช่แค่เรื่องของผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น การขยายฐานผู้เล่น การดึงดูดนักลงทุน และการเติบโตของแบรนด์ในตลาดโลก นักลงทุนมักพิจารณาค่าต่างๆ เช่น D1, D7, D30 Retention Rate ซึ่งบ่งบอกว่าผู้เล่นอยู่กับเกมได้นานแค่ไหน


ตัวอย่างตัวแปรที่นักลงทุนมักจะสนใจในเกม

ค่าชี้วัด (Metric)

คำอธิบายสั้นๆ

ค่าเฉลี่ยที่ “ดี” (โดยประมาณ)

หมายเหตุเพิ่มเติม

D1 Retention

% ผู้เล่นที่กลับมาเล่นในวันถัดไปหลังจากโหลดเกม

30-40%+

ค่าเริ่มต้นที่นักลงทุนดูทันที

D7 Retention

% ผู้เล่นที่ยังกลับมาในวันที่ 7 หลังติดตั้ง

15-25%+

สะท้อนคุณภาพเกมเพลย์และคอนเทนต์ช่วงต้น

D30 Retention

% ผู้เล่นที่ยังอยู่ในวันที่ 30

5-15%+

ชี้ความสามารถในการรักษาผู้เล่นระยะยาว

ARPU (Average Revenue Per User)

รายได้เฉลี่ยที่ได้ต่อผู้เล่นหนึ่งคน

$0.5 - $2+/เดือน (มือถือ)

สูงขึ้นได้ในเกม F2P ที่มีระบบซื้อไอเทม

LTV (Lifetime Value)

รายได้ที่ได้จากผู้เล่นตลอดช่วงชีวิตการเล่นเกม

$5 - $20+

ยิ่งสูงยิ่งดี สะท้อนความคุ้มค่าการลงทุนหาผู้เล่น

Churn Rate

อัตราผู้เล่นที่เลิกเล่น

ยิ่งต่ำยิ่งดี (เช่น <60%/เดือน)

ใช้วัดความน่าเบื่อ/ปัญหาในเกม

DAU/MAU Ratio

สัดส่วนผู้เล่นรายวันต่อผู้เล่นรายเดือน

15%-30% ขึ้นไป

ใช้ดูว่าเกมมี “ผู้เล่นประจำ” มากแค่ไหน

Conversion Rate

% ของผู้เล่นที่จ่ายเงิน

2-5% (มือถือ), 10%+ (บางประเภทเกม)

ยิ่งสูง แสดงว่าเกมโน้มน้าวให้จ่ายเงินได้ดี

CPI (Cost Per Install)

ค่าการตลาดที่ต้องใช้เพื่อให้ได้ผู้เล่น 1 คน

$1 - $5+ (ขึ้นกับประเทศ)

ใช้เปรียบเทียบกับ LTV เพื่อวัดกำไรสุทธิ


เกมอย่าง Among Us คือตัวอย่างของเกมที่เติบโตไวรัลจากการสตรีมบน Twitch และ YouTube จนดึงดูดความสนใจมหาศาลโดยไม่ต้องใช้งบโฆษณาเยอะ ขณะเดียวกัน การมีจุดขายที่ชัดเจนหรือ USP (Unique Selling Point) เช่น กราฟิกสวย เนื้อเรื่องเข้มข้น หรือระบบเกมเพลย์ใหม่ๆ ก็ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้เกมแตกต่างจากตลาดทั่วไป ด้านข้อมูลและศักยภาพในการขยายตลาด เกมยุคใหม่ต้องสามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้เล่นได้ดี เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ให้เหมาะกับความต้องการจริง นักลงทุนยังสนใจตัวเลขอย่าง ARPU (Average Revenue Per User), LTV (Lifetime Value) และ Churn Rate ที่สะท้อนความสามารถในการทำรายได้และรักษาผู้เล่นในระยะยาว นอกจากนี้ เกมที่สามารถขยายไปยังหลายแพลตฟอร์ม เช่น มือถือ คอนโซล และพีซี รวมถึงการเปิดให้ผู้เล่นสร้างคอนเทนต์เอง (UGC) อย่างใน Roblox ก็ถือว่าเป็นจุดแข็งมหาศาล เพราะสามารถสร้างระบบนิเวศน์ของเกมที่ขยายตัวได้เอง ในด้านโมเดลธุรกิจ นักลงทุนมักมองหาเกมที่ไม่เพียงแค่มีผู้เล่นเยอะ แต่ต้องทำกำไรได้จริง เกมที่มีรายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขายไอเทม ขายสิทธิ์แฟรนไชส์ หรือทำแบรนด์คอลแลป เช่น Fortnite ที่เคยร่วมมือกับ Marvel, Star Wars และแบรนด์ระดับโลกมาแล้ว ก็มีมูลค่าสูงมาก นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI, Blockchain หรือการรองรับ Cross-platform ก็เป็นอีกจุดที่นักลงทุนจับตามอง เพราะเกมที่ทันสมัยและขยายตัวได้ง่ายย่อมมีอนาคตที่สดใสกว่า


สรุปแล้ว การออกแบบเกมในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ทำยังไงให้สนุก” แต่คือ “ทำยังไงให้เกมอยู่ได้ในระยะยาว” ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ให้ความสำคัญกับผู้เล่นก่อน (Player-First Design) แล้วตามมาด้วยการวางกลยุทธ์ให้เกมเติบโตและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน สำหรับนักออกแบบเกมมือใหม่ นี่คือทักษะและมุมมองที่สำคัญที่สุดที่ควรมีตั้งแต่ก้าวแรกในวงการเกม


Credit: Gamasutra, GameAnalytics, และบทสัมภาษณ์จากนักพัฒนาเกมชั้นนำ

 
 
 

Comments


Get ready to maximize your game design potential with our creative solutions at Game Design Bucket

© 2025 Copy Right Reserved, Game Design Bucket

bottom of page